โรคที่เกิดจากพยาธิไส้เดือน
(Ascariasis)
โรคพยาธิไส้เดือน สามารถพบได้ทุกแห่งในโลก พบได้บ่อยในประเทศเขตร้อนที่มีอากาศ
และพื้นดินชุ่มขึ้นเหมาะแก่การเจริญเติบโตของพยาธิชนิดนี้
เป็นกันมากในหมู่ประชาชนที่ยากจนและขาดความรู้ในด้านสุขวิทยาส่วนบุคคลอยู่ในแหล่งที่มีการสุขาภิบาลไม่ดี
เช่น ไม่มีส้วมที่ถูกสุขลักษณะ
ขอบถ่ายอุจจาระลงบนพื้นดินในบริเวณใกล้เคียงบ้านเรือน เมื่อเด็กเล่นบนพื้นดิน จึงมีโอกาสที่จะได้รับไข่พยาธิเข้าร่างกายซึ่งมักเป็นมากกว่าผู้ใหญ่
โดยเฉพาะเด็กวัยเรียนและ วัยก่อนเรียน
ตัวแก่พยาธิไส้เดือน
ลักษณะทั่วไปของเชื้อ
เชื้อที่ทำให้เกิดโรค ได้แก่หนอนพยาธิชนิด แอสคาริส ลุมบริคอยดีส (Ascaris lumbricoides)
มีรูปร่างคล้ายไส้เดือนดิน ตัวโตหัวและหางเรียวกลม
สีขาวนวลหรือชมพูเรื่อๆ
เป็นพยาธิตัวกลมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในลำไส้ใหญ่กว่าพยาธิตัวกลมชนิดอื่น ตัวผู้ยาว 15-
20 ซม.กว้าง 2-4 มม. ตัวเมียยาว 20-35 ซม. กว้าง 1-6 มม. ตัวผู้มักหางงอเล็กน้อย
ตัวเมียหางไม่งอ มักอาศัยอยู่ในลำไส้เล็ก ตัวเมียสามารถออกไข่ได้ประมาณ 200,000
ฟองต่อหนึ่งวัน
ดังนั้นแม้จะมีอยู่ในร่างกายไม่กี่ตัวแต่ก็สามารถไข่ปนออกมากับอุจจาระได้เป็นจำนวนมาก
ซึ่งไข่ของพยาธิชนิดนี้ทนต่อสภาพแวดส้อมต่างๆภายนอกได้ดี
ไข่อาจอยู่ได้นานเป็นเดือนหรือเป็น ปี ๆ
ถือเป็นโรคพยาธิเรื้อรังที่อาศัยอยู่ในลำไส้
![]() |
ตัวแก่พยาธิไส้เดือน
ที่มา :
|
แหล่งของโรค
ได้แก่มนุษย์หรือผู้ที่มีพยาธิไส้เดือนอาศัยอยู่ในร่างกายซึ่งส่วนใหญ่ไม่รู้ตัว
จนกว่าจะปรากฏอาการเกิดอันตรายของโรค หรือตรวจพบโดยแพทย์
วงจรชีวิตของพยาธิไส้เดือน
เมื่อไข่พยาธิไส้เดือนเข้าสู่ร่างกาย
จะถูกน้ำย่อยในกระเพาะอาหารและลำไส้ เล็กย่อยเปลือกหุ้ม ทำให้ตัวอ่อน (larvae)
ออกจากไข่ ไชทะลุผนังลำไส้เล็กเข้าสู่วงจรเลือด
หรือเข้าสู่หลอดโลหิตดำและหลอดน้ำเหลือง ส่วนมากจะถูกพาเข้าหลอดโลหิตดำเข้าสู่หัวใจข้างขวา
ตับ และเข้าสู่ปอด
จากนั้นจึงไชทะลุถุงลมคลานขึ้นมาตามหลอดลมแล้วถูกกลืนลงสู่หลอดอาหารกระเพาะอาหารและลำไส้เล็ก
ไปเจริญเป็นตัวแก่ ต่อจากนั้นจึงผสมพันธุ์และออกไข่ปนออกมากับอุจจาระ เป็นวัฏจักร
การติดต่อ
ตัวแก่ของพยาธิชนิดนี้อาศัยอยู่ในลำไส้เล็กโดยไม่เกาะอยู่กับผนังของลำไส้
แต่จะเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ตัวเมียจะปล่อยไข่ออกมากับอุจจาระเมื่อตกลงสู่พื้นดิน
ได้รับความชื้นและอุณหภูมิเหมาะ
ตัวอ่อนจะเจริญเติบโตอยู่ในไข่และกลายเป็นระยะติดต่อใน 10-14วัน หรือนับจากไข่ของพยาธิเข้าสู่ร่างกายจนกลายเป็นตัวแก่สามารถออกไข่ได้
ประมาณ 1-2 เดือน ครึ่ง
ระยะติดต่อ
ตลอดเวลาที่ผู้ป่วยมีพยาธิที่สามารถผสมพันธุ์และออกไข่ได้อยู่ในร่างกาย
ปกติพยาธิไส้เดือนตัวแก่จะมีชีวิตประมาณ 6 เดือน
หากมีการติดพยาธิเข้าไปใหม่ จะทำให้มีพยาธิอยู่ในลำไส้ได้นาน
อาการ
อันตรายของผู้ป่วยหรือผู้ที่มีพยาธิไส้เดือนกลมอยู่ในร่างกายอาจไม่แสดงเด่นชัด
แต่พยาธิจะแย่งอาหารจากร่างกาย โดยกินอาหารที่ย่อยแล้วที่ผนังลำไส้
เป็นสาเหตุให้ร่างกายขาดสารอาหารหรือได้รับอาหารไม่เพียงพอ
เจริญเติบโตช้าโดยเฉพาะในเด็กทำให้อ่อนเพลีย นอนไม่หลับ ง่วงเหงาหาวนอน ไม่สนใจการเรียน
เกิดการผิดปกติในร่างกาย เช่น อาเจียน ไอ เรื้อรัง หรืออาจเป็นมากถึงขั้นผอมพุงโร
บางคนท้องเสียบ่อยๆ ทำให้เกิดลมพิษเนื่องจากของเสียที่พยาธิขับถ่ายออกมา
หากมีอาการปวดท้องจะปวดเป็นพัก ๆ บางรายอาจอาเจียนเอาตัวพยาธิออกมา
และอาจเกิดการอักเสบตามอวัยวะต่าง ๆที่พยาธิไชเข้าไปหากมีพยาธิอุดตันที่ลำไส้
เนื่องจากพยาธิไส้เดือนเกาะพันกันเป็นก้อน จะมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง อาเจียน
มีอาการดีซ่านเนื่องจากพยาธิเข้าไปอุดตันในท่อน้ำดี ควรรีบนำส่ง แพทย์โดยด่วน
การตรวจหาเชื้อและวินิจฉัยโรค
สามารถตรวจพบไข่และตัวแก่พยาธิได้จาก
อุจจาระและอาเจียนของผู้ป่วย มีอาการอึดอัดในท้อง ปวดท้อง มีไข้ ปอดอักเสบ
ไอเป็นโลหิต เป็นลมพิษ
การรักษาและควบคุมป้องกันโรค
ควรส่งเสริมให้ประชาชนมีส้วมที่ถูกสุขลักษณะใช้
ให้ประชาชนรู้จักสุขลักษณะที่ดี โดยเฉพาะเด็กๆ ควรสอนให้ปฏิบัติสุขวิทยาส่วนบุคคล
เช่น ล้างมือฟอกสบู่ให้สะอาดก่อนรับประทานอาหาร
และหลังจากถ่ายอุจจาระสำหรับผู้ที่เป็นโรคพยาธิควรกินยาถ่ายพยาธิ
เพื่อจะได้ไม่แพร่เชื้อติดต่อไปสู่ผู้อื่น
ยาที่ใช้รักษาโรคพยาธิไส้เดือนตัวกลม
- ปีเปอราซีน (Piperazine) ดูวิธีใช้จากสลาก หรือ ดูเพิ่มเติมในเรื่องพยาธิเส้นด้าย
- เมเบนดาโซล (Mebendazole) ขนาด 100 มก. (1เม็ด) เช้าและเย็น รับประทาน 2 ครั้ง
- ไพราเทล พาโมเอท คอมบันตริน Pyrantel pamoate (Combantrin) ขนาด 10 มก. /นน. ตัว 1 กก. รับประทานครั้งเดียว
- ฟูกาคาร์ (Fugacar) วิธีใช้ดูตามฉลาก
- ยาสมุนไพรพื้นบ้าน ใช้เม็ดสะแกนา ประมาณ 10 เม็ด ตำทอดกับไข่ให้เด็กกิน สำหรับผู้ป่วยที่มีลำไส้อุดตันเนื่องจากพยาธิ ให้รักษาตามอาการ เช่น ใส่สายสวนดูดลมออก หรือให้การรักษาโดยวิธีศัลยกรรมโดยแพทย์