วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

โรคที่เกิดจากเชื้อโปรโตซัว



Trichomonas vaginalis


ลักษณะของเชื้อ

       เชื้อโปรโตซัวชนิดนี้มีขนาดเล็ก ยาวประมาณ 7-32 ไมโครเมตร และกว้าง 5-12 ไมโครเมตร มีเยื่อคลื่นและหนวดที่เรียกว่า แฟลกเจลลา ไว้สำหรับเคลื่อนไหว



ลักษณะของเชื้อ trichomonas vaginalis
ที่มา: http://www.manager.co.th



การติดต่อ

       โปรโตซัวชนิดนี้อาศัยอยู่ในช่องคลอดและท่อปัสสาวะของผู้หญิง ส่วนในผู้ชายพบในต่อมลูกหมาก ในท่อเก็บอสุจิและท่อปัสสาวะ การติดต่อที่สำคัญคือ การติดต่อโดยการมีเพศสัมพันธ์

 อาการ

       ผู้ที่ติดเชื้อจะแสดงอาการเนื่องจากทริโคโมแนต จะทำให้เยื่อบุช่องคลอดมีความเสื่อมโทรมลงหลังจากการติดเชื้อ 2-3 วัน ตามด้วยการสะสมของเม็ดเลือดขาวทำให้สารคัดหลั่งจากช่องคลอดมีมากขึ้นและมีสีขาวหรือค่อนข้างเขียว ซึ่งเต็มไปด้วยเชื้อปรสิตและมีกลิ่นที่รุนแรง ผู้ติดเชื้อจะมีอาการคัน ที่ช่องคลอด ปากมดลูกมีสีแดง มีการบวมแดงของ ช่องคลอดและปากช่องคลอดหลังจากการติดเชื้ออย่างเฉียบพลันแล้ว ในเวลาต่อมาอาจกลายเป็นการติดเชื้ออย่างเรื้อรัง ซึ่งมีอาการน้อยลง แต่ในบางครั้งก็จะมีการอักเสบอย่างรุนแรงขึ้นมาอีก ในผู้ชายที่ติดเชื้อโปรโตซัวชนิดนี้มักจะ ไม่ปรากฏอาการ แต่อย่างไรก็ตามอาจมีอาการระคายเคืองอันเนื่องมาจากท่อปัสสาวะอักเสบหรือต่อมลูกหมากอักเสบได้

 การวินิจฉัย

       การวินิจฉัยทำได้โดยไปพบแพทย์ แพทย์จะทำการวินิจฉัยตามอาการและการตรวจทางห้องปฏิบัติการ โดยตรวจหา เชื้อปรสิตในสารคัดหลั่ง ที่ได้จากช่องคลอดหรือต่อมลูกหมาก และอาจเจอได้ในน้ำปัสสาวะ นอกจากนี้ยังสามารถตรวจ ด้วยวิธีการทางน้ำเหลืองวิทยาและอณูชีววิทยา

 การรักษา

     การรักษาทำได้โดยการไปพบแพทย์เพื่อให้การวินิจฉัยและรักษาให้ถูกต้องและปลอดภัย แพทย์จะให้ยา เช่น metronidazole ซึ่งสามารถรักษาได้ภายใน 5 วัน แต่ในกรณีหญิงมีครรภ์หรือระหว่างให้นมบุตร แพทย์จะใช้ยา cotrimazole สอดทางช่องคลอด เนื่องจากการติดเชื้อปรสิตชนิดนี้โดยมากติดโดยการมีเพศสัมพันธ์ ดังนั้นการรักษาจึงควรจะทำการรักษา ผู้ป่วยพร้อมกันกับผู้ชาย ที่มีเพศสัมพันธ์ด้วยเพื่อป้องกันการติดเชื้อขึ้นมาใหม่

การป้องกันและควบคุมโรค


     เนื่องจากโปรโตซัวชนิดนี้ติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นการป้องกันจะคล้ายกับการป้องกันโรคติดต่อ ทางเพศสัมพันธ์ เช่น การใช้ถุงยางอนามัยขณะมีเพศสัมพันธ์ การไม่สำส่อนทางเพศ การรักษาผู้ติดเชื้อทั้งหญิงและชาย ที่มีเพศสัมพันธ์กันเพื่อป้องกันการติดเชื้อซ้ำอีก การควบคุมทำได้โดยการให้ความรู้เกี่ยวกับการติดต่อของโปรโตซัว แก่ชุมชน และการรณรงค์การใช้ถุงยางอนามัย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น